วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

จีนยุคสาธารณรัฐและยุคคอมมิวนิสต์

  • ปลายยุคราชวงศ์ชิง ดร.ซุนยัตเซ็น จัดตั้งสมาคมสันนิบาต เพื่อล้มล้างราชวงศ์ชิง โดยประกาศ ลัทธิไตรราษฎร์ ประกอบด้วย 1.หลักเอกราช 2.หลักแห่งอำนาจอธิปไตยของประชาชน 3.หลักความยุติธรรมในการครองชีพ ส่วนนโยบายปฏิวัติ คือ โค่นล้มราชวงศ์แมนจู และจัดตั้งรัฐบาลประชาชน จัดตั้งรัฐบาลตามระบอบสาธารณรัฐ จัดสรรที่ดินให้แก่ประชาชน และก่อตั้งพรรคชาตินิยม หรือ
    พรรคก๊กมินตั๋ง ขึ้นในที่สุด
  • ต่อมา ซุนยัตเซ็นได้ร่วมมือกับ ยวน ซีไข ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิงได้สำเร็จเปลี่ยนการปกครองเข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐ (จักรพรรดิปูยี เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของจีน) มีการแย่งชิงอำนาจของผู้นำทางทหารเรียกว่า ยุคขุนศึก
  • ซุนยัตเซ็นได้เสนอให้ ยวน ซีไข เป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน
  • ยวน ซีไข คิดสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิและรื้อฟื้นระบบศักดินา
  • ดร.ซุนยัตเซ็น ตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง
  • เมื่อ ยวน ซีไข เสียชีวิตลง ดร.ซุนยัตเซ็นเป็นประธานาธิบดี แต่เป็นได้ไม่นานก็เสียชีวิต
  • หลังจาก ดร. ซุนยัตเซ็น เสียชีวิต เจียงไคเช็ค ขึ้นเป็นผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งและผู้นำจีน
  • แต่รัฐบาลเจียงไคเช็ค ประสบปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ราษฎร
  • จีนเกิดการปฏิวัติอีกครั้ง โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตุง รัฐบาลเจียงไคเช็ค ต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แต่แพ้
  • เหมา เจ๋อตุง สถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ มีการจัดระเบียบสังคมใหม่ เรียกว่า การปฏิวัติทางวัฒนธรรม เพื่อต่อต้านจารีตศักดินาแบ่งชนชั้น
  • หลังจาก เหมา เจ๋อตุง เสียชีวิต เติ้งเสี่ยวผิงขึ้นเป็นผู้นำจีนแทน ประกาศพัฒนาประเทศด้วย นโยบายสี่ทันสมัย คือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ รวมทั้งผ่อนปรนวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนให้คลายความเข้มงวดลง

ยุคสาธารณรัฐประชาธิปไตย (ค.ศ. 1912 – 1949)

   หลังจากที่ซุนยัดเซ็น (孙中山) สามารถนำผู้คนลุกฮือขึ้นทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของจีนให้เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย และโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ ก็ถือเป็นจุดสิ้นสุดของจีนในยุคศักดินาแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเป็นจุดสิ้นสุดของระบอบจักรพรรดิที่อยู่คู่แผ่นดินจีนมากว่าสองพันปี นับแต่สมัยราชวงศ์ฉินเป็นต้นมา และได้สถาปนาสาธารณรัฐจีน (中华民国) ขึ้น แต่ยุคนี้แผ่นดินจีนก็ยังต้องเผชิญกับความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ทั้งจากการสู้รบภายในที่เรียกว่า “ยุคขุนศึก” ซึ่งสงบลงอย่างเด็ดขาดในยุคของเจียงไคเช็ค (蒋介石) และประเทศจีนทั้งประเทศก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคก๊กมินตั๋ง (国民党) ทั้งจากการรุกรานของญี่ปุ่น (ค.ศ. 1931 – 1945) สงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน (共产党ค.ศ. 1946 – 1949) ซึ่งในที่สุดก็ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งต้องสูญเสียอำนาจไปพร้อม ๆกับการล่มสลายของสาธารณรัฐประชาธิปไตยบนแผ่นดินจีน

ยุคสาธารณรัฐสังคมนิยม (ค.ศ. 1949 – ปัจจุบัน)

    หลังจากที่เหมาเจ๋อตง (毛泽东) สามารถนำพลพรรคแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนรบชนะพรรคก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็คได้แล้ว เขาได้สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน (中华人民共和国) ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 และประเทศจีนก็อยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์ได้ประกาศให้วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันชาติจีน ตราบจนถึงปัจจุบันด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น